Articles

เทรนด์ Digital Transformation ที่จะมาขับเคลื่อนทุกธุรกิจในปี 2023

เมื่อแนวโน้มเทคโนโลยีดิจิทัลกำลังจะเป็นช่องทางหลักสำหรับการทำงาน ความท้าทายของธุรกิจคือ การเข้าใจในการใช้ดิจิทัลที่เหมาะกับสินค้าและบริการขององค์กร และสามารถเข้าถึงลูกค้าให้ได้มากขึ้น จึงเป็นโจทย์สำคัญที่หลายองค์กรต้องปรับตัวให้ทัน และเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงาน ทั้งนี้เพราะ Digital Transformation ไม่ใช่แค่การนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในองค์กร แต่เป็นการปฏิวัติองค์กรทุกส่วนให้เป็นดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรบุคคล วัฒนธรรมองค์กร ตลอดจนถึงการนำเทคโนโลยีมาช่วยในการทำงาน สำหรับธุรกิจทั้งภาครัฐ และเอกชน การก้าวสู่ Digital Transformation ควรประกอบไปด้วย 4 สิ่งที่สำคัญ ได้แก่

1. ในอนาคตงานด้านเทคโนโลยีในองค์กรจะเปลี่ยนผ่านจากการรวมศูนย์งานระบบไอที ที่ช่วยสนับสนุนงานภาคธุรกิจอื่น ๆ มาเป็นเหมือนผู้ช่วยสั่งการ อาจถึงเวลาแล้วที่ธุรกิจไอทีสามารถให้คำปรึกษาและคำแนะนำกับทุกคนในองค์กรในการวางยุทธศาสตร์การลงทุน สามารถประเมินตลาด นำเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใหม่ ๆ มาปรับใช้เพื่อช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจ

2.องค์กรต้องปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานให้มีความยืดหยุ่น โดยยังคงไว้ซึ่งคุณภาพ ความปลอดภัย ระบบการควบคุมที่รัดกุม และตอบสนองความต้องการขององค์กร พนักงาน ลูกค้า คู่ค้า และผู้มีส่วนได้เสียอื่น ๆ

3. เชื่อมโยงระบบโครงสร้างองค์กรให้เป็นหนึ่งเดียว โดยโครงสร้างไอทีรูปแบบใหม่ต้องมีความสามารถในการเชื่อมโยง Endpoint ไว้ที่เดียวกัน โดยที่ผู้ใช้จะสามารถเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้จากที่ใด เมื่อไหร่ ผ่านรูปแบบหรืออุปกรณ์สื่อสารใดก็ได้ในระบบเรียลไทม์

4. องค์กรจำเป็นต้องอาศัยคนที่มีทักษะที่ผสมผสานทั้งด้านดิจิทัล (Digital Skill) และมีความรู้ในการบริหารจัดการธุรกิจ รวมทั้งมีความสามารถวิเคราะห์ ประเมินผลกระทบก่อนตัดสินใจทางธุรกิจได้

ดังนั้นเทรนด์ Digital Transformation จึงมีความสำคัญต่อธุรกิจในปัจจุบันเป็นอย่างยิ่ง และด้วยจุดแข็งทางธุรกิจ “เจ้าถนนไฟเบอร์ออฟติก” ของ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL จึงพร้อมร่วมเป็นพันธมิตรสนับสนุนการขับเคลื่อนในธุรกิจ Digital Transformation โดยเน้นให้บริการตามความต้องการของผู้ใช้บริการ (Customization) และปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการที่คล่องตัวที่สุด ตอบสนองทุกธุรกิจของลูกค้า ด้วยโครงข่าย Interlink Fiber Optic ที่มีเสถียรภาพและประสิทธิภาพสูงสุดของบริษัทฯ ซึ่งเป็นโครงข่ายที่ผสมผสานระหว่างโครงข่ายหลักตามเส้นทางของการรถไฟแห่งประเทศไทย รวมทั้งเส้นทางหลัก เส้นทางสำรอง และเส้นทางย่อย ตามเส้นทางถนนผ่านเสาไฟฟ้าเพื่อเชื่อมต่อเข้าถึงลูกค้า ทำให้การเชื่อมต่อข้อมูลด้วยโครงข่ายของบริษัทฯ เป็นไปอย่างต่อเนื่อง และมีเสถียรภาพ สามารถให้บริการครอบคลุม การให้บริการโครงข่ายวงจรสื่อสารข้อมูลความเร็วสูง (Data Service) ซึ่งเหมาะสำหรับใช้ในธุรกิจทุกรูปแบบ โดยสามารถให้บริการด้วยมาตรฐานและคุณภาพบริการ SLA ที่ระดับ 99.99 % และมี การให้บริการติดตั้งโครงข่ายโทรคมนาคม (Installation )  เป็นการให้บริการแบบครบวงจร ตั้งแต่การให้บริการด้านการให้คำปรึกษา ออกแบบ และดำเนินการติดตั้งโครงข่ายที่เกี่ยวข้องกับระบบสื่อสารความเร็วสูงทั่วประเทศ ทั้งนี้บริษัทฯ ยังให้บริการหลังการขายด้วยการรับประกันคุณภาพของผลงาน เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้า นอกจากนี้บริษัทฯ ได้มี การให้บริการพื้นที่ดาต้า เซ็นเตอร์ (Data Center) เพื่อนำเอาประโยชน์ของการมีโครงข่ายใยแก้วนำแสงทั่วประเทศมาเป็นจุดขายซึ่งครอบคลุมการให้บริการเช่าพื้นที่ว่างเซิร์ฟเวอร์ พื้นที่เซิร์ฟเวอร์เสมือน และศูนย์สำรองข้อมูลฉุกเฉิน (Disaster Recovery) แก่องค์กรต่างๆ 

การทำ Digital Transformation ไม่ใช่แค่เรื่องของการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่คือการเปลี่ยนแปลงแนวความคิด และนำเทคโนโลยีมาใช้ในธุรกิจ ตั้งแต่การวางรากฐาน ไปจนถึงการดำเนินธุรกิจและส่งต่อคุณค่าให้แก่ลูกค้า ในปี 2023  ไม่เพียงแต่ภาคการปฏิบัติการที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลง แต่สิ่งเหล่านี้รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงด้านวัฒนธรรม และบุคลากรทุกภาคส่วน เพราะ Digital Transformation ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป ทุกหน่วยงาน องค์กร หรือธุรกิจสามารถเริ่มได้ด้วยการวางแผน และปรึกษาวิศวกรผู้เชี่ยวชาญจากบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน)หรือ ITEL ได้ที่  info@interlinktelecom.co.th

บทความโดย ณัฐนัย อนันตรัมพร
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน)
 

Read your interested topic

แชร์